Search
Close this search box.
Search
Close this search box.

เทคนิคการตรวจเช็กและบำรุงรักษารถลากพาเลทมอเตอร์ไฟฟ้าให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ

เทคนิคการตรวจเช็กและบำรุงรักษารถลากพาเลทมอเตอร์ไฟฟ้าให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ

เทคนิคการดูแลรถลากพาเลทก่อน-หลังการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ

ในปัจจุบันนี้ รถลากพาเลท หรือรถลากพาเลทไฟฟ้า ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องจักรขนาดเล็กที่ได้รับความนิยมในการนำมาใช้งาน เพื่อช่วยทุ่นแรงและช่วยประหยัดเวลาสำหรับการยกเคลื่อนย้ายหรือขนส่งสินค้าในพื้นที่คลังสินค้าหรืออุตสาหกรรมต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น ดังนั้น เพื่อให้การใช้งานรถลากพาเลทเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากที่สุด การตรวจเช็กและบำรุงรักษารถลากพาเลทให้มีสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอจึงถือเป็นสิ่งสำคัญที่ธุรกิจไม่ควรมองข้ามไป โดยในวันนี้ Unicarriers Thailand จึงมีเทคนิคตรวจเช็กและบำรุงรักษารถลากพาเลทมาฝากผู้ใช้งานทุกคนในบทความนี้

เทคนิคการตรวจเช็กรถลากพาเลทก่อนการปฏิบัติงาน

  • ตรวจเช็กรถลากพาเลทและความยาวของงาให้เหมาะสมกับรูปแบบการใช้งาน
    ก่อนการนำรถลากพาเลท หรือรถลากพาเลทไฟฟ้า ไปปฏิบัติงานในคลังสินค้าหรือพื้นที่อุตสาหกรรม ผู้ใช้งานทุกคนควรทำการตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่า รถลากพาเลทที่เลือกนำมาใช้สามารถรองรับน้ำหนักบรรทุกของสินค้าได้มากที่สุดกี่กิโลกรัม มีรัศมีวงเลี้ยวมาก-น้อยแค่ไหน รวมถึงมีระยะไกลสุดจากโคนงาไปยังด้านปลายงา (Load Center : LC) เท่าไหร่ เพื่อการเลือกรถลากพาเลทได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการในการใช้งาน ซึ่งจะสามารถช่วยป้องกันการเกิดความเสียหายในระหว่างการขนย้ายสินค้า และช่วยเพิ่มปลอดภัยในระหว่างปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

  • ตรวจเช็กรอยแตกร้าวหรือความเสียหายของรถลากพาเลท
    เมื่อเลือกรถลากพาเลทได้อย่างเหมาะสมกับรูปแบบในการใช้งานแล้ว ขั้นตอนลำดับถัดมาก่อนที่จะมีการนำรถลากพาเลทไปใช้งานเพื่อการขนส่งหรือยกย้ายสินค้า ผู้ใช้งานทุกคนควรทำการสำรวจรอบตัวรถให้แน่ชัดก่อนว่า รถลากพาเลท หรือรถลากพาเลทไฟฟ้า อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งาน โดยไม่มีรอยแตกร้าวหรือความเสียหายเกิดขึ้นกับสกรู หลังคา โซ่ งายก หรือส่วนประกอบอื่น ๆ ของรถลากพาเลท

    นอกจากนี้ ผู้ใช้งานยังจำเป็นจะต้องทดลองสตาร์ทรถลากพาเลทก่อนการใช้งานจริง เพื่อตรวจสอบการทำงานของระบบเบรกมือและเบรกเท้าว่าอยู่ในสภาพปกติพร้อมใช้งานหรือไม่ คันบังคับสามารถหมุนได้อย่างลื่นไหลไม่ติดขัดหรือเปล่า นอกจากนี้ยังควรทดสอบเสียงแตร ระบบไฟ แบตเตอรี่ น้ำมันเครื่อง ล้อยาง และควรฟังเสียงการทำงานของเครื่องยนต์และชิ้นส่วนทุกชิ้นของรถลากพาเลทด้วยว่าสามารถทำงานได้อย่างปกติหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานที่มากที่สุด

  • ตรวจเช็กปั๊มไฮดรอลิกของรถลากพาเลท
    กระบอกสูบ หรือปั๊มไฮดรอลิกของรถลากพาเลท มีหน้าที่สำคัญในการช่วยทำให้งายกสามารถยกขึ้น-ลง เพื่อการขนส่งยกย้ายสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะฉะนั้นแล้วก่อนการใช้งานรถลากพาเลท หรือรถลากพาเลทไฟฟ้า ผู้ใช้งานจึงควรตรวจเช็กปั๊มไฮดรอลิกให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน โดยจะต้องไม่มีการรั่วไหลของน้ำมันไฮดรอลิก พร้อมตรวจสอบให้น้ำมันไฮดรอลิกอยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันล้นและเกิดแรงดันมากจนสามารถทำลายตัวโอริงซีลได้ นอกจากนี้ยังควรทำการทดสอบประสิทธิภาพของรถลากพาเลทด้วยการยกงาขึ้น-ลงให้สุด และพลิกคว่ำ-หงายงา เพื่อตรวจดูว่าเกิดการสะดุดหรือมีน้ำมันรั่ว จนสามารถส่งผลต่อประสิทธิภาพและความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุในระหว่างการใช้งานรถลากพาเลทหรือไม่

     

เทคนิคการดูแลและบำรุงรักษารถลากพาเลทหลังการปฏิบัติงาน

  • เมื่อใช้งานเสร็จแล้วควรจัดเก็บรถลากพาเลทในร่ม : โดยหลีกเลี่ยงการตากแดด ตากฝน เพื่อเป็นการช่วยยืดอายุการใช้งาน และป้องกันไม่ให้อุปกรณ์และชิ้นส่วนอะไหล่ของรถลากพาเลทเกิดการสึกกร่อนเสียหายจากสภาพอากาศภายนอก

  • หมั่นตรวจสอบตามจุดที่มีโอกาสสึกกร่อนจากการเสียดสี : อาทิ ล้อ งายก หรือโซ่ เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้การสึกกร่อนของรถลากพาเลทส่งผลต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการใช้งาน โดยควรตรวจสอบสภาพยางแต่ละเส้นทุก ๆ 100 ชั่วโมงของการใช้งานรถลากพาเลท หรือรถลากพาเลทไฟฟ้า เพื่อการแก้ไขความผิดปกติได้อย่างทันท่วงที

  • หลีกเลี่ยงการใช้งานรถลากพาเลทในที่ต่างระดับ : รวมถึงพื้นที่ที่เป็นหลุมบ่อและมีอุปสรรคกีดขวาง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ปฏิบัติงาน และป้องกันไม่ให้รถลากพาเลทเกิดความเสียหายในระหว่างการใช้งาน

  • หลีกเลี่ยงการบรรทุกน้ำหนักเกิน : โดยควรคำนวณน้ำหนักของสินค้าที่ต้องการยกหรือเคลื่อนย้ายให้ไม่เกินน้ำหนักสูงสุดที่รถลากพาเลทสามารถรองรับได้ เพื่อรักษาศูนย์ถ่วงและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ

  • หลีกเลี่ยงการยกสิ่งของด้วยปลายงา : เพื่อช่วยเพิ่มสมดุลให้กับตัวรถลากพาเลท และป้องกันไม่ให้วัตถุที่ทำการยกเกิดการไหลตกลงมาจากงายกจนก่อให้เกิดอันตราย นอกจากนี้ยังควรรักษาความสูงของงายกให้อยู่ในระดับ 100 ถึง 150 มิลลิเมตร (4-6นิ้ว) จากพื้นถนน และหลีกเลี่ยงการยกงาสูงในระหว่างการขับเคลื่อนรถลากพาเลท

  • หากพบว่ารถลากพาเลทมีความผิดปกติเกิดขึ้นควรซ่อมแซมทันที : เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายที่รุนแรงมากขึ้น จนส่งผลต่อความปลอดภัยของสินค้าและตัวผู้ใช้งานรถลากพาเลท โดยหากต้องการทีมช่างบริการ Unicarriers Thailand พร้อมให้บริการดูแลและซ่อมบำรุงรถลากพาเลท และรถลากพาเลทไฟฟ้า โดยทีมช่างชำนาญงาน ประสบการณ์กว่า 30 ปี ที่พร้อมดูแลอย่างครบวงจรทั้งในด้านอะไหล่และการซ่อมแซมบำรุงต่าง ๆ

โดย บจก.สยามกลการอุตสาหกรรม เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถลากพาเลท รถลากพาเลทไฟฟ้า รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า รถโฟล์คลิฟท์ดีเซล ตราสินค้า Unicarriers Thailand พร้อมด้วยอะไหล่รถโฟล์คลิฟท์คุณภาพสูงจากศูนย์อะไหล่รถโฟล์คลิฟท์ที่ได้มาตรฐานในประเทศญี่ปุ่น ที่มีการดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนานกว่า 30 ปี การันตีคุณภาพด้วย 3 รางวัลยอดเยี่ยมจากกลุ่มธุรกิจโลจิสเน็กซ์ ได้แก่ รางวัลยอดขายและยอดสั่งซื้ออะไหล่รถโฟล์คลิฟท์สูงสุดในภูมิภาคเอเชีย (Best part sales recovery), รางวัลยอดขายและยอดสั่งซื้อรถสูงสุดในภูมิภาคเอเชีย (Top Market share) และ Dealer of Excellent ที่มียอดขายและยอดสั่งซื้อรถโฟล์คลิฟท์ ยอดขายและยอดสั่งซื้ออะไหล่รถโฟล์คลิฟท์ (รถฟอร์คลิฟท์) รวมถึงอัตราการเติบโตสูงสุดในปีที่ผ่านมาเทียบกับทุกประเทศในกลุ่ม โดย Unicarriers Thailand มีอะไหล่รถโฟล์คลิฟท์ รวมถึงรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า รถโฟล์คลิฟท์ดีเซล รถ Reach truck รถลากพาเลท รถ power stacker ให้ธุรกิจได้เลือกใช้งานหลากหลายรูปแบบสำหรับการช่วยขนส่งยกย้ายสินค้าและวัตถุดิบต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมที่แตกต่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

สนใจรถโฟล์คลิฟท์ราคาคุ้มค่า รถลากพาเลท หรือรถลากพาเลทไฟฟ้า หรือติดต่อสอบถาม
บริษัท สยามกลการอุตสาหกรรม จำกัด
8/5 หมู่ 8 ถนน สุขุมวิท (สายเก่า) ตำบลท่าข้าม
อำเภอบางปะกง
จังหวัดฉะเชิงเทรา 24130
โทรศัพท์ : 038 574 297
Line : @UniCarriersThai
E-mail : [email protected]

บทความล่าสุด

Top